New MG ZS 1.5 L
มาดสปอร์ตขับคล่องเด่น i-SMART

LINE it!

      ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่ม B-SUV จะมีการแข่งขันกันพอตัวและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ค่ายเอ็มจีไม่นิ่งเฉยจึงได้ส่ง New MG ZS 1.5 L สมาร์ทเอสยูวีคันเก่งลงมาทำตลาดและด้วยความโดดเด่นของระบบ i-SMART ที่ใช้งานได้จริง พร้อมกับขุมพลังเครื่องเบนซินขนาด 1500 ซีซี.กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีทีเดียวและช่วงล่างที่ให้ทั้งความนุ่มและเกาะถนนอย่างลงตัว    



รูปทรงสปอร์ตมาดเฉี่ยว

     รูปโฉมด้านหน้าถูกติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจนทุกรุ่นย่อย พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ในรุ่น D ขึ้นมา ขณะที่รุ่น X มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติตามสภาพแสง ส่วน กระจังหน้าสไตล์ทรง 6 เหลี่ยมแบบตะแกรงไขว้สีดำ ช่วยทำให้รถดูสปอร์ตมากขึ้น และบริเวณกันชนหน้าติดตั้งไฟตัดหมอกคู่หน้าในรุ่น D ขึ้นมา พร้อมตกแต่งกันชนด้วยชิ้นส่วนสีดำตามสไตล์รถเอสยูวี



      ทางด้านข้างได้รับออกแบบในสไตล์เรียบง่าย แต่ก็มีเส้นสายที่ช่วยให้รถดูบึกบึนแข็งแรง โป่งซุ้มล้อถูกตกแต่งด้วยสีดำ รับกับล้อแม็กแบบ Bi-colour ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น X พร้อมยางขนาด 215/50 R17 มาให้ ขณะที่รุ่น D ลงมาเป็นล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60 R16 พร้อมตกแต่งขอบหน้าต่างประตูด้วยสีเงินเพิ่มความหรูขึ้นอีกนิด ติดตั้งราวหลังคาสีเงินตัดกับตัวรถ 





     ขณะที่ไฮไลท์สำคัญอย่างพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ มีให้เลือกในรุ่น X เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น โดยตัวซันรูฟมีความยาวไปจนถึงประมาณเสา C-Pillar มาพร้อมม่านกรองแสงสีครีมช่วยกันความร้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้ดีควรติดฟิล์มกรองแสงบริเวณกระจกซันรูฟจะดียิ่งขึ้น 





     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED  กับที่เปิดประตูท้ายถูกซ่อนไว้ในโลโก้เอ็มจี โดยจะต้องใช้นิ้วกดด้านบนของตัวโลโก้แล้วจึงยกประตูขึ้น โดยกันชนหลังถูกตกแต่งด้วยสีดำและเงินพร้อมไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ทุกรุ่นย่อย



ภายในหรูเท่มีสไตล์ทันสมัย

     เมื่อเข้าภายในห้องโดยสารของ MG ZS 2018 ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ดูโปร่งโล่งสบายกว่าที่คิด ในรุ่น X ถูกตกแต่งด้วยสีทูโทนระหว่างสีเทาดำและน้ำตาลที่ดูแตกต่างกว่ารถรุ่นเดียวกัน ให้ความรู้สึกหรูหรา ขณะที่เบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับมือสามารถปรับได้ 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยก 60:40 ได้ 






       ส่วนพวงมาลัยแบบมัลติฟังชันท์สไตล์ 3 ก้านจับกระชับมือ ที่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ กับปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงผลและปุ่มสั่งงานด้วยเสียง  พร้อมมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่สามารถอ่านตัวเลขได้ง่าย กับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และมีหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ พร้อมช่อง USB จำนวน  2 ช่องกับช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ และยังสามารถรองรับ Apple CarPlay ได้อีกด้วย





     ขณะที่ระบบ i-SMART on Touchscreen จะเป็นการสั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัส โดยสามารถใช้งานระบบนำทางพร้อมข้อมูลจราจรแบบ Real-time, ระบบแนะนำร้านอาหารและที่พักบนแผนที่นำทาง, ระบบเลขาส่วนตัว i-Call และระบบโทรออก-รับสายในกรณีฉุกเฉิน  ซึ่งสามารถโทรออกไปยังคอลเซ็นเตอร์ของเอ็มจี เพื่อให้ค้นหาตำแหน่งสถานที่ที่ต้องการไป โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ลงบนระบบนำทางด้วยตัวเอง จากนั้นทางคอลเซ็นเตอร์จะส่งโลเคชั่นมาให้บนหน้าจอรถ 
 


       นอกจากนั้นยังมีระบบ i-SMART Mobile Application ที่สามารถโหลดแอพลงบนสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS เพื่อสั่งงานรถยนต์ได้จากที่ใดก็ตาม ซึ่งสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ก่อนขึ้นรถได้ และยังสั่งล็อค-ปลดล็อคประตู พร้อมกับระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan และระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ และระบบค้นหารถ Find My Car รวมถึงสามารถแสดงสถานะรถและความผิดปกติได้

         สำหรับระบบความปลอดภัยของ MG ZS 2018 เรียกว่า Synchronized Protection System ที่มีอยู่ 9 ระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS  ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD  ,ระบบเสริมแรงเบรก EBA  ,ระบบควบคุมการทรงตัว SCB ,ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC ,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล, TCS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS 

     นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS และระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESP และระบบความปลอดภัยพื้นฐานถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 ใบ (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม), กับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทั้ง 5 ที่นั่ง รวมถึงกล้องมองหลังกับสัญญาณกะระยะถอยหลัง และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX 
 


   มาที่ด้านขุมพลังของ MG ZS ได้ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อมกับ Manual Mode มาให้ใช้งานในสไตล์เกียร์ธรรมดาที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจต้องการ และสามารถรองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E85

     ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ติดตั้งพวงมาลัยแบบไฟฟ้า EPS สามารถปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ จากหน้าจอสัมผัสภายในรถ และระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน กับด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเช่นกัน



ตอบสนองดีพอตัวช่วงล่างนิ่ง  

     ในการทดสอบครั้งนี้ได้ใช้รถ MG ZS 1.5X ซึ่งเป็นรุ่นท็อป โดยเลือกใช้เส้นทางกทม. – ระยอง  รวมระยะทางไปกลับประมาณ 450 กม. และถือโอกาสขับเที่ยวตามรายทางอย่างจังหวัดฉะเชิงเทราก็มีสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ เพียงเท่านี้ก็ทำให้สามารถรับรู้ได้ถึงการใช้งานของฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยพร้อมกับสมรรถนะของรถทั้งอัตราเร่ง ช่วงล่าง และฟิลลิ่งในการขับ  





     เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในห้องโดยสารของ MG ZS ก็รู้สึกถึงความโอ่โถง ไม่อึดอัด พื้นที่เหนือศีรษะมีอย่างเหลือเฟือ ขณะที่วัสดุและคุณภาพการประกอบก็ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับรถที่มีราคาใกล้เคียงกัน ขณะที่การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสีน้ำตาล-ดำ ช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกถึงความพรีเมียมอยู่นิดๆ

     ก่อนที่จะไปกล่าวถึงสมรรถนะรถ มาลองของกับฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ของ MG ZS คันนี้นั้นคือระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยได้ โดยพูดว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” เมื่อระบบมีการตอบสนอง จึงจะสามารถสั่งงานตามที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดซันรูฟ, เปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งผู้ขับ, ปรับความแรงลมและอุณหภูมิแอร์, สั่งโทรออก-รับสาย, สั่งงานระบบเครื่องเสียง และสั่งงานระบบนำทาง  



     แต่พอมาลองใช้งานจริงกับพบว่า ระบบดังกล่าวยังตอบสนองต่อคำสั่งเสียงได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะบางครั้งพูดครั้งเดียวก็ทำตามคำสั่งได้อย่างดี แต่บางครั้งกับมีอาการรอสักแป๊บก่อนที่ระบบจะเข้าใจคำสั่งและปฏิบัติตาม หรือแม้แต่คำสั่งเริ่มต้นอย่าง “ฮัลโหล เอ็มจี” ก็ยังสั่งติดบ้างไม่ติดบ้าง และเท่าที่ใช้งานจะเห็นว่าการเปิด-ปิดซันรูฟจะใช้งานได้ค่อนข้างดี ส่วนปรับแรงลมแอร์ก็ใช้ได้บ้าง ยกเว้นเปิดกระจกข้างยังไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งเท่าไหร่ ทำให้เปิดได้บ้างไม่ได้บ้าง  เอาเป็นว่าช่วงแรก ๆของการใช้งานกดด้วยตัวเองน่าสะดวกรวดเร็วกว่า



     และนั้นเป็นระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยที่เวลานี้ถือว่าทันสมัยกว่ารถระดับเดียวกัน เลยทำให้เป็นจุดขายของรถรุ่นนี้ไปโดยปริยาย แต่ก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าระบบดังกล่าวเป็นเพียงลูกเล่นที่ให้มาเพื่อใช้งานที่สะดวกสบายขึ้น และถึงแม้ว่าช่วงแรกของการใช้งานระบบจะตอบสนองได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งตรงนี้ทางเอ็มจีได้อธิบายว่าต้องให้เวลากับระบบมีการเรียนรู้น้ำเสียงของผู้ใช้งานไปสักระยะหนึ่ง จึงจะสามารถใช้งานได้คล่องมากขึ้น



     มาถึงการขับทดสอบสมรรถนะของรถกันบ้าง โดยเฉพาะที่หลายคนมักจะพูดถึงเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ที่ไม่น่าเอามาติดตั้งในรถรุ่นนี้และน่าจะใช้ระบบเกียร์ที่ทันสมัยกว่านี้ แต่ตรงนี้เชื่อว่าทางเอ็มจีน่าทดสอบมาอย่างดีแล้วว่าเครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซีกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีดน่าจะเหมาะสม  และเมื่อได้มาลองใช้งานจริงกับระยะทางยาว ๆบอกได้คำเดียวว่า...ไม่ผิดหวังเท่าไหร่  

     ในการขับไปตามเส้นทางก่อนออกจากกรุงเทพฯ แน่นอนว่าต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ติดขัดบ้าง แต่ด้วยขนาดตัวรถของ MG ZS ไม่ได้ใหญ่เทอะทะทำให้สามารถขับซอกแซกไปได้อย่างราบรื่น มีเพียงแค่อาการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าดูจะช้าเล็กน้อยและจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่เคยพบเห็นมาในเอ็มจีแทบทุกรุ่นยังปรากฏให้เห็นใน MG ZS แต่น้อยลงกว่าพอสมควร


 
       ส่วนเรื่องอัตราเร่งของ MG ZS ในออกตัวนั้นแม้ว่าจะไม่ปรู๊ดปร๊าดทันใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้แต่แรก โดยเฉพาะรถเอสยูวีขนาด 1.5 ลิตรที่ไม่มีระบบอัดอากาศ คงไปเทียบกับ MG GS ที่มีเทอร์โบไม่ได้ เพราะการตอบสนองต่างกันอย่างเห็นได้ชัด  แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเร่งความเร็วด้วยระยะคันเร่งประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ตามการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปนั้น สามารถเร่งไปแตะ 100 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่



         สำหรับการไต่ความเร็วในช่วง 60 กม./ชม.ขึ้นไปจะรับรู้ได้ว่าอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีกว่าตีนต้น  และเมื่อเร่งความเร็ว 100 กม./ชม.อยู่ที่ 2,500 รอบต่อนาที ซึ่งจัดอยู่ในระดับพอดี ๆ และเมื่อขับต่อเนื่องไป 120 กม./ชม.ที่ 3,000 รอบต่อนาทีก็สามารถที่เร่งขึ้นไปได้อย่างสบาย แม้จะเทียบกับเครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้ก็ตาม แต่เพียงพอในการขับทางไกลโดยไม่ต้องหักโหมเครื่องยนต์มากจนเกินไป ส่วนการเร่งแซงนั้นอาจจะต้องกะระยะรถที่สวนมาให้ดีเสียหน่อย เพราะการไต่ความเร็วในช่วงเร่งแซงก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร



     มาที่ช่วงล่างยังคงเป็นจุดเด่นของ MG เพราะตัวรถสามารถซับแรงสะเทือนจากหลุมบ่อ หรือฝาท่อบนถนนได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้แรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสารค่อนข้างต่ำ ขณะที่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงนั้น MG ZS ก็ให้ความมั่นใจได้เป็นอย่างดี แม้ว่าบางช่วงเราจะใช้ความเร็วถึงระดับ 140 กม./ชม. ช่วงล่างยังคงนิ่งไว้ใจได้และให้ความนุ่มนวลใช้ได้  พร้อมเสียงลมที่เข้ามาภายในห้องโดยสารก็มีน้อยยังสามารถฟังเพลงได้อย่างรื่นหูหรือพูดคุยกันได้อย่างสบาย  


 
       สรุป MG ZS 2018 ใหม่ จัดเป็นคอมแพคเอสยูวี ทีมีจุดขายในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยเฉี่ยวลงตัว พร้อมกับระบบ i-SMART ที่สามารถใช้งานได้จริง จึงเหนือกว่ารถระดับเดียวกัน และช่วงล่างที่ไว้ใจได้ตามสไตล์ของรถเอสยูวี ที่สำคัญขายในราคาที่จับต้องง่ายและคุ้มค่าที่สุดในตลาดขณะนี้ ซึ่งในรุ่น MG ZS 1.5C ราคา 679,000 บาท รุ่นMG ZS 1.5D ราคา 729,000 บาท และรุ่น MG ZS 1.5X ราคา 789,000 บาท

      ขอขอบคุณผู้บริหารและทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ยืมรถในการทดสอบครั้งนี้
 

คำค้น : New MG ZS 2018 ,เปิดตัว New MG ZS 1.5 L , ทดสอบรถ New MG ZS 1.5 L , รีวิวทดสอบรถ New MG ZS 2018 , ทดลองขับ All New MG ZS 1.5 L , เทสต์ไดร์ New MG ZS , แนะนำรถใหม่ New MG ZS 1.5 L